หากท่านต้องการลงประกาศ หรือประชาสัมพันธ์เรื่องราวต่างๆ หรือต้องการเปิดรับสมัครงาน หรือแนะนำโปรโมชั่นต่างๆ ส่งข้อความ พร้อมรูปภาพประกอมของท่านมาที่ kookkhu@hotmail.com ฟรีทุกอย่าง.....รับประกันไม่มีข้อผูกมัดใดๆทั้งสิ้น........

ไม่ใช่งานเท่านั้นที่มีสิทธิ์เลือกคุณคุณเองที่มีสิทธิเลือกงาน..

การสัมภาษณ์งานกระบวนการที่ทำให้ให้ทั้งว่าที่นายจ้างและว่าที่ลูกจ้างมาพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน ประกอบการตัดสินใจว่าทั้งสองฝ่ายยินยอมทำงานร่วมกันหรือไม่ เหมือนกับการซื้อขาย การซื้อการขายเกิดขึ้นได้เมื่อผู้ซื้อเต็มใจซื้อและผู้ขายก็ยินยอมขายเช่นกัน ในกระบวนการนี้ไม่มีใครสามารถบังคับใครได้
การจ้างงานก็เช่นเดียวกัน ต้องเป็นความยินยอมของทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง ถ้านายจ้างหรือคุณ แต่คุณไม่เลือกเขาหรือคุณยินยอมเป็นที่สุด แต่นายจ้างปฏิเสธ การจ้างงานก็ไม่มีทางเกิด ดังนั้นเพื่อความยุติธรรมของทั้งสองฝ่ายการได้มีโอกาสมาพบหน้าค่าตา ทำความรู้จักกันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดก่อนการจ่างงานเกิดขึ้น คุณได้รู้ว่างานที่ต้องทำองค์กรที่ต้องอยู่เป็นอย่างไร นายจ้างก็ได้รู้ว่าคุณมีคุณสมบัติเหมาะสมกับงานและองค์กรหรือไม่
อย่าคิดว่าคุณเป็นแค่ตัวเลือกหนึ่งของนายจ้าง แต่จงคิดว่าถ้าคุณไม่พอใจกับงานและองค์กรที่คุณได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัสในวันสัมภาษณ์งานแล้ว คุณก็สามารถปฏิเสธนายจ้างได้เช่นกัน
การสัมภาษณ์งานจึงมีความสำคัญอย่างมาก คุณต้องการรู้อะไรเกี่ยวกับงานที่คุณต้องทำ เกี่ยวกับบริษัท ขอให้ถามจากผู้สัมภาษณ์คุณให้ละเอียด ให้หายข้องใจ เพื่อนำข้อมูลนั้นมาเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจต่อไป
ปกติแล้วผู้สัมภาษณ์งานจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับงานให้คุณรู้ว่าต้องทำอะไร อย่างไร มีขอบเขตของงานแค่ไหนให้คุณมองภาพการทำงานออกแล้วเปิดโอกาสให้คุณถามกลับ ในเวลานั้นหากมีข้อสงสัยให้คุณถามทันทีอย่าปล่อยให้ผ่านไปเพราะอาจไม่มีครั้งที่ 2 ให้ถามอีกก็ได้ อาจถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานให้เขาอธิบายให้ฟัง ถามเกี่ยวกับระบบการทำงานวัฒนธรรมและองค์กรก็ได้ เรื่อหลังนี้คุณอาจหาข้อมูลจากที่อื่นได้ยาก ควรใช้ประโยชน์จากผู้ที่อยู่ตรงหน้าคุณในห้องสัมภาษณ์ให้มากที่สุด แต่จงทำให้พอเหมาะ ไม่ใช่ดูไม่ออกเลยว่าใครกำลังสัมภาษณ์ใครอยู่
ถ้าได้รับรู้ข้อมูลทั้งหมดแล้ว คุณรู้สึกไม่ชอบงานหรือองค์กรเลยสามารถปฏิเสธได้ไม่ผิดธรรมเนียมแต่อย่างใด เพียงเลือกใช้คำปฏิเสธให้เหมาะสมเท่านั้น เช่น
"จากที่ได้ฟังลักษณะงานทั้งหมดมา คิดว่าดิฉันคงไม่เหมาะกับงานนี้เพราะดิฉันไม่ถนัดงานเกี่ยวกับตัวเลขเยอะๆ และคงไม่มีความสุขถ้าต้องอยู่กับมันตลอดเวลา..."
"ตามที่คุณบอกว่าผมต้องออกไปติดต่องานต่างจังหวัดบ่อยๆ ถึงอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง แถมบางทีต้องค้างคืนด้วย ผมคิดว่าผมคงทำงานนี้ไม่ได้ครับ เพราะผมมีแม่ซึ่งไม่ค่อยบายอยู่ที่บ้าน ถ้าผมไม่อยู่กลางคืนก็ไม่มีใครดูแลท่านครับ"
ให้บอกเหตุผลไปตามความจริงแล้วคำปฏิเสธนั้นจะไม่ทำร้ายใคร ไม่ใช่เหตุผลจริงๆ คือเงินเดือนที่บริษัทเสนอให้น้อยเกินไป แต่คุณไปบอกว่าปัญหาอยู่ที่ไม่สามารถเดินทางไปต่างจังหวัดได้บ่อยๆ ถ้าบริษัทพอใจคุณและหาทางออกให้กับปัญหานี้ด้วยการเสนอตำแหน่งที่ไม่ต้องออกต่างจังหวัดให้คุณแทน เขาแก้ปัญหาให้คุณถูกจุดหรือ?
ความจริงเป็นสิ่งที่คุณควรพูดออกมา อย่างเบี่ยงประเด็นในห้องสัมภาษณ์งานก็เหมือนห้องเจรจาต่อรองซื้อขาย ถ้าสินค้าที่คุณนำมาเสนอดี น่าสนใจ คนซื้อก็อยากซื้อเก็บไว้ หากมีข้อขัดข้องสงสัยระหว่างกันให้สอบถาม แล้วหาทางออกร่วมกัน ถ้าตกลงกันได้ทั้งสองฝ่ายก็จบ ปิดการขายได้ แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอาการลังเล ไม่อยากซื้อหรือไม่อยากขายขึ้นมาก็จบเหมือนกัน คือปิดการขายไม่ได้ ต้องไปเสนอขายให้คนอื่นต่อก็เท่านั้น
แต่ถ้าได้ฟังรายละเอียดทั้งหมดแล้ว เกิดชอบและอยากทำงานนั้นขึ้นมา คุณสามารถแสดงความตั้งใจจริงความสนใจต่องานผ่านคำพูด สีหน้า และแววตา คุณคงไม่สามารถบอกผู้สัมภาษณ์ได้ตรงๆ ว่า "ผมชอบงานนี้ ขอให้ผมทำเถอะ" "ดิฉันอยากทำงานนี้ คุณรับดิฉันนะคะ" การแสดงออกผ่านคำพูด สีหน้า และแววตาจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด มันจะบอกให้ผู้สัมภาษณ์รู้โดยนัยว่าคุณชอบ สนใจ และอยากทำงานนี้ เช่น อาจพูดว่า "ดิฉันชอบงานที่ต้องติดต่อกับคนมากๆ อย่างนี้คะ มันจะทำให้ดิฉันมีโอกาสได้รู้จักและเรียนรู้คนมากขึ้น" "ผมคิดว่าถ้ามีโอกาสทำงานตำแหน่งนี้ ผมสามารถแห้ปัญหาสภาพแรงงานที่คุณพูดถึงได้แน่นอน" หรืออาจแสดงสีหน้าว่าคุณพอใจลักษณะงานที่ผู้สัมภาษณ์กำลังพูดถึง มีการถามกลับในข้อมูลที่อยากรู้ มีแววตาที่มุ่งมั่นสนการตอบคำถามทุกคำถาม
การแสดงออกเหล่านี้สามารถบอให้ผู้สัมภาษณ์รู้ได้แน่นอนว่า คุณชอบ พอใจ และอยากทำงานนี้มากแค่ไหน โดยคุณไม่ต้องพูดออกไปตรงๆ เมื่อเขารู้ว่าคุณพอใจ และบังเอิญว่าเขาก็พอใจคุณด้วยเช่นกัน โอกาสที่คุณได้งานก็มีมากขึ้น นอกเสียจากว่าเขาจะพอใจคนอื่นๆ ที่พอใจเขาเหมือนกับคุณอีกหลายคน อันนี้ต้องลุ้นกันต่อไป
เมื่อบริษัทถามข้อมูลทุกอย่างของคุณที่เขาอยากรู้ได้คุณเองก็มีสิทธิถามข้อมูลทุกอย่างของบริษัทที่คุณอยากรู้ได้เช่นกันและเมื่องานมีสิทธิ์เลือกคุณ คุณเองก็มีสิทธิ์เลือกงานด้วยเหมือนกัน

จากหนังสือ "กลยุทธ์เด็ด คว้างานดี ชีวิตนี้ไม่มีเตะฝุ่น."